Ford Everest in South Laos
มนต์เสน่ห์แห่งลาวใต้
ความสุขของการเดินทาง ไม่ได้อยู่แค่ ปลายทาง เท่านั้น เพราะระว่างทาง มันมีความงดงาม ที่เราสามารถ ซึมซับ เก็บเกี่ยวทัศนียภาพ มิตรภาพ และเรืองราวอีกมากมาย ที่ได้เรียนรู้ และสัมผัส Ford Everest.
การเดินทาง ทดสอบรถยนต์ ของ Ford ทริปนี้ ต้องยกให้เป็น trip of The Year ที่ Unseen สุดๆ มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ทำให้ตื่นเต้น และน่าสนใจ ตลอดการเดินทาง
เริ่มตั้งแต่ เห็นรถ ... และ เปิดประตู Ford Everest เข้าไปนั่งอยู่หลังพวงมาลัย สัมผัสแรกที่รู้สึกได้ คือ เอ๊ย...รถคันนี้มันสมราคาจริง มีรถมากมายหลายรุ่นเข้าประกวดชิงชัย Car of The Year แต่ Ford Everest เพียงคันเดียวที่สามารถคว้า รางวัลอันทรงเกียรตินี้มาครอบครอง โดยผ่านการคัดเลือก จาก ผู้สื่อข่าวสายรถยนต์ ให้คะแนนโหวตมากที่สุด และคะแนนโหวตทุกคะแนนมาจาก การได้ทดลองขับ และได้ใช้ฟังก์ชั่นต่าง พร้อมกับเปรียบเทียบกับคู่แข่ง ในทุกๆด้าน อาทิ มาตรฐานความปลอดภัย ระบบป้องกันต่างๆ เพื่อช่วยลดอุบัติเหตุ รวมไปถึงเรื่องของความคุ้มค่าและราคา
เอาล่ะ...สุดท้าย Ford Everest คือ Car of The Year ก็ล่ะกัน
เส้นทางที่ใช้การเดินทางครั้ง จุดเริ่มต้น คณะของเรา ออกจาก สนามบินจังหวัด อุบลราชธานี มุ่งหน้าพรหมแดนไทย-ลาว ที่ ด่านช่องเมก และเดินทางต่อ ไปที่ เมืองปากเซ สปป.ลาว ก่อนที่จะเดินทางต่อ เข้าไปยัง เมืองปากซอง ขึ้นสู่ที่ราบสูงโบลาเวน ที่ถูก...ขนานนามว่า มนต์เสน่ห์แห่งลาวใต้
ที่ราบสูงโบลาเวน เต็มเปี่ยมไปด้วยธรรมชาติที่งดงาม วิถีชีวิตของชาวบ้านที่เรียบง่าย ชาวบ้านส่วนใหญ่ปลูกกาแฟ เป็นหลัก เพราะด้วยสภาพดินฟ้าอากาศ เหมาะแก่การปลูกกาแฟ ทำให้ ลาว มีรายได้จากการส่งออก กาแฟ ไปยัง ทวีปต่างๆ อาทิ ยุโรป อเมริกา เป็นต้น
นอกจากธรรมชาติ ที่งดงาม เป็นจุดดึงดูดให้ พวกเรา เดินทางเข้าไปใน ลาวใต้ ครั้งนี้ แล้วยังมี น้ำตกแซปองไล และน้ำตกแซพระ ที่เพิ่งจะถูกค้นพบ เมื่อไม่นานมานี้เอง...แน่นอน ว่า ตลอดสองข้างทาง ธรรมชาติยังคงงดงาม ป่าดิบร้อนชื้น เส้นทางเพิ่งจะเริ่มไถเสร็จใหม่ๆ ลองหลับตาแล้วคิดตามล่ะกัน ว่า เป็นยังไง...!?!
ถนนลูกรัง บ้านเรา ยังเรียบกว่า ฝุ่นหรอ..! ตลอดเส้นทาง วิ่งตามกันมองไฟท้ายแทบไม่เห็น ซึ่งต้องใช้ทักษะ และความระมัดระวังในการขับที่ พอสมควร นอกจากนั้น แล้ว ยังมี หินลอย คอยดัก อยู่เป็นช่วงๆ และยังมี ลำห้วยเล็กๆ ที่ Ford Everest ต้องลุย เพื่อข้ามผ่าน แต่ด้วยสมรรถนะ ของ Everest แล้ว เส้นทางที่พวกเราฟันฟ่าเข้าไปยัง น้ำตกที่ ยังเป็น Unseen แห่งนี้ ไม่ถือว่าเป็นอุปสรรค เลย แม้แต่น้อย
เครื่องยนต์ ของ Ford Everest เป็นเครื่องยนต์ดีเซล ดูราทอร์ค ทีดีซีไอ วีจี เทอร์โบ (Duratorq TDCi VG Turbo) ขนาด 3.2 ลิตร แบบ 5 สูบ 200 แรงม้า และ แรงบิดสูงสุด 470 นิวตันเมตร เป็นเครื่องยนต์ที่มีพละกำลังมหาศาล ย้ำว่า มหาศาล จริงๆ สามารถตอบสนองการขับขี่ ได้ดีมากๆ จังหวะการเร่งแซงบนถนนไฮเวย์ หายห่วงไร้กังวล ในทุกย่านความเร็ว ไม่ว่าจะ เป็นย่านความเร็วจาก 100 km/h ไปที่ 120 หรือ 140 km/h การตอบสนองดีมากๆ
บนเส้นทาง ออฟโรด ที่ต้องใช้พละกำลัง ในการลุยเพื่อข้ามผ่านอุปสรรค บอกได้เลยว่าไม่ใช่ปัญหา ...ตลอดเวลาที่ผมอยู่กับ Ford Everest เส้นทางที่เพื่งไถเสร็จใหม่ๆ บางช่วง เต็มไปด้วยหลุมบ่อ ลำห้วย เนินชัด ทางลาด ล้วนเป็นบททดสอบ ที่โหดหินพอสมควร แต่ทั้งบน ไฮเวย์ และ ออฟโรด ไม่ใช่อุปสรรค สำหรับ Ford Everest
สิ่งหนึ่งที่ ไม่ค่อยเกิดขึ้นกับ คนที่ทดสอบรถยนต์ เป็นอาชีพ คือ เห็นแล้วประทับใจ เห็นแล้วอยากขับ ขับแล้วอยากได้ อารมณ์แบบนี้ไม่ค่อยเกิดบ่อยนัก ยอมรับเลยนะครับว่า ตั้งแต่ ทดสอบรถยนต์มา Ford Everest เป็นรถคันที่ 2 ที่ ไปทดสอบแล้ว รู้สึก อยากขับ...แย่งกันขับ น้อยมากๆ ที่เหตุการณ์ แบบนี้จะเกิดขึ้นกับ การเดินทางไปทดสอบรถยนต์
ระบบการขับเคลื่อน 4 ล้อ อัจฉริยะ Terrain Management (i4WD with Terrain Management System – i4WD TMS) ของ Ford Everest ระบบนี้ ผู้ขับขี่ ไม่จำเป็นอีกแล้ว ที่จะต้องมีทักษะ หรือ ต้องมีชั่วโมงบินสูงๆ ในการขับรถออฟโรดอีกต่อไป ต้องเรียกว่า Everest ปฎิวัติวงการออฟโรด ทำให้การขับขี่หรือ การลุยผ่านอุปสรรค ง่ายเหมือนปลอกกล้วยเข้าปาก
เพียงแค่ ผู้ขับขี่ ทำความเข้าใจ กับ โหมดการใช้งาน แค่นี้ก็สามารถขับรถออฟโรดได้แล้ว ปรับหมุนเปลี่ยนโหมดให้เหมาะสมกับสภาพถนน ไม่ว่าจะเป็นการขับลุยโคลน ลุยทราย กรวดหินดินทรายที่ขรุขระ หรือแม้แต่ การลุยน้ำข้ามลำธาร ก็กลายเป็นเรื่องง่ายๆ นอกจากนี้แล้วยัง เพิ่มประสิทธิภาพการขับเคลื่อน บนถนนขรุขระ ด้วยระบบล็อคเฟืองท้ายแบบ Electronic Locking Rear Differential (LRD) และ Everest ยังมีความสามารถพิเศษ คือ ลุยน้ำที่ความลึก 800 มิลลิเมตร (80 เซ็นติเมตร) Ford Everest จึงเป็นรถที่ ใช้ได้ใช้ดี ในทุกเส้นทาง
นอกจากนั้นแล้ว Ford Everest ยังมีระบบควบคุมความเร็วขณะลงเขา (Hill Descent Control) ระบบนี้ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยควบคุมการขับลงเขา ช่วยเสริมแรงเบรก และระบบช่วยการออกตัวขณะจอดรถบนทางลาดชัน (Hill Launch Assist) ระบบนี้ เข้ามาช่วยเสริม ให้ผู้ขับขี่ เผชิญกับอุปสรรค บนทางลาดชันได้อย่างปลอดภัยไร้กังวล
Ford Everest ยังมีระบบป้องกัน เสริมความปลอดภัยให้กับการเดินทาง อีกมากมายหลายระบบ อาทิ ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ ระบบเตือนการชนด้านหน้า ระบบตรวจจับจุดบอดของรถ เป็นต้น แต่ระบบที่ผมชอบ โดยส่วนตัวเลย คือ ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน ระบบนี้ อาจจะแปลกๆนิดนึง ในช่วงที่เริ่มขับใหม่
พอได้ทำความคุ้นเคยแล้ว บอกเลยว่า สุดยอด เพราะรถของคุณจะรักษารถให้อยู่ในเลน แม้ว่าผู้ขับขี่เผลอปล่อยให้รถเซ...ออกนอกเส้นทางก็ตาม ระบบจะดึงรถกลับมามาให้อยู่ในเลนเหมือนเดิม แต่บอกก่อนนะว่า ระบบนี้ไม่ใช้ที่พระเจ้าสร้างมาให้ เพราะหากรถคุณถูกดึงกลับเข้ามาในเลนแล้ว ผู้ขับขี่ยังไม่พร้อมควบคุมรถ ระบบก็ไม่สามารถช่วยคุณได้เช่นกัน
แต่มีอีกระบบ ที่ เป็นเหมือนเพื่อนร่วมทาง คือ ระบบแจ้งเตือนการขับขี่ มันจะคอยเตือน...! คุณ หรือ ใครก็ตามที่ ควบคุมรถอยู่ เช่น บนเส้นทางข้างหน้า มีปั้มน้ำมัน หรือ ร้านกาแฟ มันจะชวนคุณให้แวะพักดื่มกาแฟ พร้อมกับบอกว่า คุณเดินทางขับรถมาไกลพอสมควรแล้ว จอดพักสักนิด เพื่อความปลอดภัย ลดการเมื่อยล้า หรือ ขณะนี้น้ำมันเหลือในถัง เดินทางได้อีก กี่กิโลเมตร มันจะแนะนำให้คุณเติมน้ำมัน เพราะมันรู้ว่าปั้มน้ำมันที่อยู่ห่างออกไปข้างหน้านั้นอยู่ไกลกี่กิโลเมตร ซึ่ง ทุกอย่างมันคำนวนจาก GPS ที่ติดตั้งอยู่ในรถ
มาถึงตรงนี้คงไม่ต้องบอก หรือ แนะนำอะไรอีก เพราะชั่วโมงนี้ Ford Everest สำหรับผมแล้วยังมองไม่เห็น คู่แข่งในตลาด หรือมี SUV รุ่นไหนสามารถที่จะมาเทียบชั้นได้ ในเงื่อนไข ราคาที่ใกล้เคียงกันนะครับ ย้ำนะว่า ในราคาที่ใกล้เคียงกัน