ในปี 1990 โตโยต้าได้เปิดตัวรถเซรา (Sera) รุ่น EXY10 ซึ่งมาพร้อมกับประตูแบบปีกนก (Gull-wing) อันโดดเด่นและหลังคากระจกที่ให้ความรู้สึกเหมือนรถต้นแบบ (Concept Car) ทำให้ได้รับความสนใจอย่างมาก อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นที่พูดถึง แต่กลับไม่ได้กลายเป็นรถขายดีเท่าไรนัก
สำหรับเซรา คุณสมบัติที่โดดเด่นที่สุดคือประตูแบบกัลวิงที่ปกติจะพบได้ในซูเปอร์คาร์เท่านั้น รวมถึงหลังคากระจกที่ให้ความรู้สึกโปร่งโล่งสบาย อย่างไรก็ตาม นอกจากสองจุดนี้แล้ว เซรากลับไม่มีจุดขายที่ชัดเจนอื่น ๆ ระบบเครื่องเสียงล้ำสมัยก็ถือเป็นอีกหนึ่งจุดเด่น แต่เป็นเพียงอุปกรณ์เสริม (ออปชั่น) หากไม่เลือกติดตั้ง ก็จะไม่ได้สัมผัสกับคุณสมบัตินี้
มีคำพูดว่า เซรา คือ โตโยต้า สตาร์เล็ต (Starlet) ที่ติดตั้งประตูแบบกัลวิงและหลังคากระจก นับเป็นแนวคิดที่น่าสนใจ เพราะโดยปกติแล้ว รถยนต์แต่ละคันจะถูกพัฒนาโดยเน้นไปที่สมรรถนะของเครื่องยนต์ ความเงียบเชียบของห้องโดยสาร ความประหยัดน้ำมัน ความหรูหรา หรือความสะดวกสบาย แต่ในกรณีของเซรา ดูเหมือนว่าธีมหลักของการพัฒนาจะเป็น "ประตู" ซึ่งอาจจะเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวในประวัติศาสตร์อุตสาหกรรมยานยนต์ที่มีแนวคิดเช่นนี้
ในปัจจุบันที่รถยนต์เน้นไปที่ความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทุกค่ายต่างแข่งขันกันพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อลดอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันและปล่อยไอเสียน้อยที่สุด ซึ่งเป็นจุดขายสำคัญที่ปรากฏบนโบรชัวร์รถยนต์ แต่สำหรับเซรา จุดเด่นที่ระบุไว้ในโบรชัวร์กลับเป็นเรื่องของ "ตัวช่วยชดเชยแรงเปิดปิดประตูตามอุณหภูมิ" โดยอธิบายว่า "ช่วยให้สามารถเปิดและปิดประตูได้ด้วยแรงที่เท่ากันแม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิภายนอก"
แม้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว แต่ยอดขายของเซราตลอดช่วง 5 ปีครึ่ง เพียง 16,000 คัน ซึ่งถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับมาตรฐานตลาดรถยนต์ญี่ปุ่น ในทางตรงกันข้าม โตโยต้า อควา (Aqua) รุ่นใหม่ซึ่งอยู่ในระดับราคาใกล้เคียงกัน สามารถทำยอดจองได้ถึง 120,000 คันภายในเวลาเพียง 1 เดือน นี่แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคในยุคปัจจุบันให้ความสำคัญกับ "อัตราสิ้นเปลือง" มากกว่า "ประตูแบบปีกนก"
สำหรับในไทยนับเป็นอีกรุ่นที่หายาห และราคาแข็งโป๊กมานานมาก ใครมีไว้ในครอบครอง นับว่ามีของดีติดตัว ^_^
ข้อมูลจำเพาะของ Toyota Sera (EXY10)
ขนาด (ยาว x กว้าง x สูง): 3,860 × 1,650 × 1,265 มม.
ระยะฐานล้อ: 2,300 มม.
น้ำหนักรถ: 890 กก.
เครื่องยนต์: 4 สูบเรียง DOHC 1,496 ซีซี 110 แรงม้า