นับว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เลยก็ว่าได้ สำหรับ” Chevrolet Colorado” แต่ก็ยังไม่ใช่การเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด หรือโมเดลเชนจ์ที่เรียกๆกัน เพราะยังคงอิงกับโครงสร้างเดิม และอะไรเดิมๆที่ยังคงเหลืออยู่ แต่การปรับเปลี่ยนครั้งนี้ ปรับเปลี่ยนให้ดีขึ้น สวยขึ้น ทันสมัยมากขึ้น และสะดวกสบายมากขึ้นนั่นเอง
ภายนอกสวยขึ้น สะดุดตามากขึ้น
ด้วยด้านหน้าใหม่ยกชุด ตั้งแต่ไฟหน้า เสริมไฟส่องสว่างในเวลากลางวัน หรือDaytime Running Light กระจังหน้า ฝากระโปรง และกันชนหน้าใหม่ทั้งหมด ด้านข้างเสริมหล่อด้วยล้อแม็กลายใหม่ ส่วนด้านท้ายยังคงเหลือ ไฟท้ายที่ยังคงเดิม แต่เพิ่มการดีไซน์ที่เปิดฝาท้ายใหม่ ที่ซ่อนกล้องมองหลังอย่างแนบเนียน ซึ่งทั้งหมดออกแบบขึ้นมาจากพื้นฐานด้านความสวยงาม และทางด้านอากาศพลศาสตร์ ซึ่งส่งผลในเรื่องการประหยัดเชื้อเพลิงที่มากขึ้นด้วย
ภายในตกแต่งใหม่ ดูดีขึ้น และดุดันมากขึ้น
ห้องโดยสารมีการตกแต่งใหม่หลายจุด อาทิเช่น แผงแดชบอร์ดใหม่คอนโซลกลางใหม่ ที่ดูดีขึ้นเป็นกอง ส่วนปุ่มควบคุมต่างๆก็ถูกจัดวางใหม่ให้ดูเรียบง่าย และใช้งานง่ายขึ้น เบาะนั่งชุดใหม่ ใช้วัสดุผ้าที่มีผิวสัมผัสนุ่มนวลขึ้น แต่เสียดายอยู่อย่างว่า พวงมาลัย ยังคงรูปแบบเดิม และยังคงปรับได้แค่การขึ้น-ลงของคอพวงมาลัยเท่านั้น ไม่สามารถปรับเข้า-ออกได้
ส่วนชุดระบบอินโฟเทนเมนท์ MyLink ทำงานผ่านจอทัชสกรีนขนาด 7-8 นิ้ว(แล้วแต่รุ่น)ใช้งานได้ง่ายแต่ยังรองรับแค่ฟังก์ชั่นจาก Apple CarPlay จาก iPhone เท่านั้น android ณ ตอนนี้หมดสิทธิ์ และที่เห็นใหม่จริง และสะดวกจริง ก็ฟังก์ชั่นรีโมทสตาร์ทนี่แหละ ที่ถือได้ว่าเป็นรถกระบะรุ่นแรกเลยที่มี อันนี้เหมาะกับอากาศร้อนๆของบ้านเราเป็นอย่างดี เพราะเพียงแค่กดปุ่มสตาร์ทที่รีโหมด New Colorado ก็จะสตาร์ทเครื่อง พร้อมเปิดแอร์ฉ่ำๆรอเจ้าของรถ
นอกจากนั้นยังมีปรับปรุงวัสดุซับเสียงใหม่หมด เพื่อลดเสียงรบกวนที่เกิดจากการขับขี่ เช่นเสียงที่เกิดจากพื้นถนน และเสียงลมที่เกิดจากการใช้ความเร็วที่สูงขึ้น โดยจุดนี้วิศวกรได้เพิ่มความหนาของกระจกบานข้างขึ้น เพื่อลดเสียงที่เกิดจากลม ส่งผลให้ห้องโดยสารเงียบขึ้นอย่างน่าประทับใจ
เครื่องยนต์เดิม แต่ปรับปรุงใหม่ เหลือแค่ 2.5ลิตรเท่านั้น
New Colorado ใหม่ยังคงใช้พละกำลังจากเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ ตระกูลDuramax ความจุ 2.5 ลิตรเดิม แต่เพิ่มระบบอัดอากาศด้วยเทอร์โบชาร์จแบบแปรผันหรือ VGT - Variable Geometry Turbocharger ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ6 จังหวะ หรือธรรมดา 6 จังหวะที่มาพร้อมอัดตราทดเกียร์ใหม่ กำลังสูงสุด 180แรงม้าที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 440 นิวตันเมตร ที่รอบต่ำเพียง 2,000 รอบต่อนาที มาตรฐานไอเสีย Euro 4 ซึ่งมีให้เลือกทั้งขับ 2 และขับเคลื่อน 4ล้อ
เครื่องยนต์บล็อคนี้ได้รับการปรับปรุงใหม่ ด้วยการติดตั้งวัสดุดูดซับ ลดเสียงรบกวนบริเวณหัวฉีดนอกจากนี้ยังมียางรองตัวถัง และยางรองแท่นเครื่องยนต์แบบใหม่ ช่วยลดแรงสั่นสะเทือนของเครื่องยนต์ ช่วยลดเสียงรบกวนในห้องโดยสารอีกทาง โดยลดลงได้ราว 2-4 เดซิเบล จากการทดสอบของวิศวกรของเชฟโรเลต
ระบบความปลอดภัย ยังคงจัดเต็มให้เช่นเดิม
ชุดระบบความปลอดภัยใน Colorado ประกอบด้วย ระบบ TCS - Traction Control System ป้องกันล้อหมุนฟรีขณะออกตัวและในโค้ง, ระบบ PBA - Panic Brake Assist รองรับการเบรกกะทันหัน, ระบบ EBD - Electronic Brake Force Distribution ช่วยกระจายแรงเบรก, ระบบ ESC - Electronic Stability Controlควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว, ระบบ HDC - Hill Descent Control ควบคุมความเร็วขณะลงทางชัน และระบบ HSA - Hill Start Assist ป้องกันการไหลของรถเมื่อขึ้นทางชัน ปิดท้ายด้วยถุงลมนิรภัยคู่หน้า และถุงลมนิรภัยป้องกันหัวเข่าสำหรับผู้ขับ
ส่วนระบบช่วยเหลือผู้ขับ ประกอบด้วยระบบพวงมาลัยไฟฟ้า EPSที่ใส่เพิ่มขึ้นมา,ระบบ lane departure warning ช่วยเตือนเมื่อออกนอกเลนโดยไม่ตั้งใจ, ระบบForward Collision Alert เตือนการชนด้านหน้า, ระบบ Front and Rear Parking Assist ช่วยเหลือการจอดด้านหน้าและหลัง และระบบ Tire Pressure Monitorตรวจสอบแรงดันลมยางภายในห้องโดยสาร ที่จะแสดงแรงดันลมยางในทุกๆล้อ โดยผ่านเซ็นเซอร์ที่ฝั่งไว้ที่จุ๊บเติมลม ซึงจะแสดงผลในแต่ละล้อซึ่งมีประโยชน์มากเลยทีเดียว
ช่วงล่างและการขับขี่ ดูดีกว่าเดิมเยอะหลักๆคงเริ่มต้นจากน้ำหนักพวงมาลัยที่เบาขึ้น ควบคุมได้ง่ายขึ้นตั้งแต่ความเร็วต่ำ ไปจนถึงความเร็วสูง แต่อาจจะมีบ้างที่ความเร็วสูงมากๆที่เกิน150กม./ชม.ขึ้นไป ที่อาจจะมีระยะฟรีของพวงมาลัยไฟฟ้าที่อาจจะมากไปสักนิด แต่ก็ไม่มากเกินไปกว่าจะควบคุมได้
ส่วนความแข็งกระด้าง เฉกเช่นรถกระบะทั่วๆไปนั้น คงหาได้ยากสักหน่อย เพราะทาง Chevrolet เซ็ตมาให้เป็นอย่างดี ทั้งความแข็งของสปริง และการเซ็ตช่วงล่างใหม่ รวมถึงแหนบในชุดล้อหลัง ก็เซ็ตให้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นุ่มนวลมากขึ้น และควบคุมได้ง่ายมากขึ้น
ซึ่งการทดลองขับในครั้งนี้ ได้ทดลองขับกันทั้งบนถนนดำ หรือทางปกติ ไปจนถึงทางหลวงชนบท ทั้งที่ลาดยาง และเส้นทาง offroad ซึ่งแสดงให้เห็นถึงพละกำลังของเครื่องยนต์ได้เป็นอย่างดี รวมไปถึงการควบคุมรถให้ผ่านอุปสรรคต่างๆไปได้อย่างง่ายดาย แต่ต้องบอกก่อนว่า Chevrolet Colorado ตัวนี้ยังเป็นตัวทดลองผลิต หรือพรีโปรดักชั่นเท่านั้น ฟังชั่นและการเซ็ตค่าต่างๆรวมถึงอุปกรณ์ที่ให้มานั้น อาจมีการเปลี่ยนแปลงก็เป็นได้ แต่คงไม่มากเท่าไร่นัก