Toyota C-HR แรกๆ ไม่ แต่ได้ขับแล้วโดนใจ...
ผมไม่รู้หรอกว่ามันจะคว้ารางวัล Car of The Year ปีนี้ได้หรือไม่ C-HR จะเป็นรถที่ดีที่สุดของปีนี้หรือเปล่า...ผมตอบไม่ได้ ผมรู้แค่ว่าผมชอบ...หมายความว่า ขับแล้วชอบ ขับแล้วสนุก
เอาจริงๆ ครั้งแรกที่เห็น....บอกตรงๆเลย ไม่โดน..! ด้วยรูปทรงที่ดูประหลาดตา น่าจะเหมาะกับ...อนาคิน สกายวอคเกอร์ มากกว่า เพราะดูมัน อวก๊าด อวกาศ
ล้ำยุค ล้ำสมัย ซะขนาดนั้น...! แต่ก็เออ....ที่เปิดประตูหลังมันมีดีไซน์ ซ่อนไว้ลงตัวดี
ทั้งหมดนี้ คือ ความรู้สึกที่เกิดขึ้นจริง ในวันที่ ผมยืนมอง Toyota C-HR ครั้งแรก
และ....ถ้าถามว่าอยากขับมั้ย...?!?
ผมเฉยๆ ...จริงๆ นะครับ ให้ขับก็ได้ ไม่ให้ขับก็ไม่เป็นไร
แต่หลังจากที่ได้มีโอกาส ขับ Toyota C-HR ตอนนั้น เป็นเครื่องยนต์ Hybrid ซึ่ง...ส่วนตัวก็ไม่ค่อยชอบ Hybrid สักเท่าไหร่ ด้วยความไม่เสถียรของแบตเตอรี่ ซึ่งไม่มีใครบอกไม่ได้ว่าในอนาคตของแบตเตอรี่รถยนต์ไฮบริดจะถูกลง หรือแพงขึ้น เพราะแบตเตอรี่ของไฮบริดมีการพัฒนา และเกิดใหม่ขึ้นทุกวัน แต่นี่เป็นแค่ความคิดเห็นส่วนตัวนั้น นะครับ
แต่สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดเจนเลยคือ ขับรถยนต์ไฮบริดมันก็ดูรักษ์โลกดี แต่จากวันนั้นผมก็เริ่มใจอ่อน...เริ่มชอบ C-HR ทีละนิดทีละน้อย จนวันนี้ กล้าพูดว่า ชอบมากๆ ขับสนุก อัตราเร่งดี ทั้งเครื่องยนต์ Gasoline และ Hybrid ช่วงล่างนี่ อย่างกับโมดิฟายส์มา ซึ่งถ้าคุณเป็นคนที่ชอบขับรถเร็ว ชอบรถขับสนุก ช่วงล่างของ C-HR นี่แหละครับ มันถูกเซ็ทมาเพื่อการนี้ นุ่ม หนึบ เก็บรายละเอียดดีมากๆ
หลุม...หรอ..! สบายมาก มันดูดซับแรงกระแทกได้ดีจริงๆ ไม่ใช่แค่แรงกระแทกอย่างเดียวที่เก็บได้ดี เสียงที่กระแทกขณะตกหลุม ก็เก็บได้ดีด้วย
และ ช่วงล่างดีแล้ว ยังได้ พวงมาลัย ที่คมและแม่นยำ ควบคุมง่าย จับถนัดมือ ดูดซับแรงสั่นสะเทือน จากพื้นถนนได้ ส่งมาไม่ถึงพวงมาลัย ทุกอย่างถูกดูดซับ ไว้หมด แค่นี้ก็ชอบแล้ว....มันเป็นรถที่ขับสนุกจริง ถึงแม้ว่าเห็นครั้งแรก จะรู้สึกไม่ชอบ..ก็ตาม แต่ไม่หมายความว่า เห็นครั้งแรกไม่ชอบ แล้วต้องไม่ชอบตลอดไป
ถ้าคุณได้ไปทดลองขับ C-HR ผมรับรองว่า คุณจะชอบมัน เพราะว่า ผมขับแล้ว....บอกเลยว่า มันส์มาก
ครั้งแรก ที่ผมเข้าไปนั่งหลังพวงมาลัย ....รถคันนี้ เป็นรถแบบ 2+2 หลังคาด้านหลัง ลาดลง ออกแบบให้มีความเป็นสปอร์ต รูปทรงปราดเปียว เหมาะกับคนยุคนี้สมัยนี้ ที่ชอบความล้ำสมัย ไอที ทุกอย่างสามารถติดต่อได้ผ่านหน้าจอ และควบคุมทุกอย่างได้จากพวงมาลัย ติดมือถือ ติดเฟสบุ๊คส์ คันนี้เลย....! มันตอบโจทย์คุณทุกอย่าง
ส่วนมุมมองทัศนวิสัย มองเห็นรอบคัน แม้กระจกบังลมหลังจะดูเล็ก แต่ทัศนวิสัยและมุมมองไม่เล็กตาม ลดจุดบอดลงไปหลายจุด อาทิ เสาA กับ กระจกมองข้าง ที่เคยใหญ่เทอะทะ และกระจกมองข้างที่บดบังสายตา C-HR ได้มีการปรับปรุง เสาA เล็กลง กระจกมองข้างถูกเลื่อนตำแหน่งให้ ใช้งานได้ดี และ ช่วยลดจุดบอด
เครื่องยนต์ เอาแบบกว้างๆ เลยนะครับ ใช้ได้ดี ทั้ง2 รุ่น Gasoline และ Hybrid อัตราเร่งดีทั้งคู่ แต่ ไฮบริด ดีกว่า เพราะมีทั้ง เครื่องยนต์ และ มอเตอร์ไฟฟ้า เลยทำให้ตอบสนองการขับขี่ได้ดีกว่า แถมประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงและ ขับสนุก อัตราสิ้นเปลือง ประมาณ 20 กว่า กิโลเมตร/ลิตร
ส่วนเครื่องยนต์ Gasoline ก็ประหยัด เป็นรองไม่มากครับ อัตราเร่งก็ดี แตกต่างกันไม่เท่าไหร่ อาจมีเสียงเครื่องยนต์คำรามเข้ามาในห้องโดยสารมากกว่า แต่ไม่ดังมาก ความเร็วขณะเบื่อๆกับระยะทาง และถนนโล่ง สบายๆ 160-170 อัตราสิ้นเปลืองหน้าจอ บอกว่า 14-15 กิโลเมตร/ลิตร ซึ่งเป็นอัตราสิ้นเปลืองที่ประหยัดมากๆ กับเครื่องยนต์ ขนาด 1800 ซีซี อัตราสิ้นเปลืองในเมือง ที่รถติดๆ แบบไปไม่ทันนัด อยู่ที่ 10+ กิโลเมตร/ลิตร เปลืองกว่าแต่ไปได้ช้ากว่าเยอะ
เอาล่ะครับ มาถึงตรงนี้ ผมยังตอบไม่ได้ว่า Toyota C-HR จะได้ตำแหน่ง Car of The Year แต่ที่รู้คือ ชอบ...ขับแล้วชอบ ใครไม่ชอบ ผมชอบ ได้หรือไม่ได้ ผมไม่รู้
รู้แค่ว่า Toyota C-HR ติด 1 ใน 6 ผ่านเข้ารอบสุดท้าย และวันนี้ เป็นวันลงคะแนนรอบสุดท้าย จากบรรดาผู้สื่อข่าวสายยานยนต์ และจะประกาศ รถยนต์ที่ได้ตำแหน่ง Car of The Year ในวันจันทร์ที่ 19 พฤศจิกายนศกนี้